เครื่องกรองน้ำ ไส้กรองน้ำ อะไหล่-อุปกรณ์กรองน้ำ ที่มีวางจำหน่ายในปัจจุบัน มีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายแบรนด์ด้วยกัน หลายคนอาจจะสังเกตเห็นสัญลักษณ์หรือมาตรฐานต่างๆ ที่ระบุไว้บนอุปกรณ์นั้นๆ ซึ่งแต่ละยี่ห้อและแต่ละแบรนด์นั้น ก็จะมีสัญลักษณ์ มาตรฐานต่างๆ ที่ได้รับรอง แตกต่างกันไป เช่น Water Quality, Designed in USA, NSF, Thailand Trusted Quality ฯลฯ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันค่ะ ว่าสัญลักษณ์ หรือมาตรฐานต่างๆ เหล่านี้ จริงๆ แล้วคืออะไรกันบ้าง
WQA (Water Quality Association) คือ สมาคมคุณภาพน้ำดื่ม ซึ่งถือเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้บริโภคในครัวเรือน องค์กรการค้า กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำ มีที่ตั้งอยู่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
WQA ได้กำหนดมาตรฐานโกลด์ซีล (Gold Seal Mark ) ขึ้นเพื่อช่วยคัดสรรผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภค โดยจะมอบสัญลักษณ์โกลด์ซีลให้กับระบบการกรองน้ำของเครื่องกรองน้ำที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าหรือเหนือกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม

ซึ่งตราสัญลักษณ์โกลด์ซีล จะช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพน้ำดื่มที่ผ่านจากเครื่องกรองน้ำที่ได้รับตราสัญลักษณ์โกลด์ซีล (Gold Seal Mark ) ในด้าน
- การลดปริมาณสิ่งปนเปื้อนตลอดอายุการใช้งานและปริมาณการกรองของเครื่องกรองน้ำ
- ความทนทานในการใช้งาน โดยทดสอบเลียนแบบการใช้งานจริงของเครื่องกรองน้ำ
- ความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้ในการกรอง เพื่อให้ความมั่นใจว่าเครื่องกรองน้ำนั้นไม่ได้เพิ่มเติมอุปกรณ์ใดที่จะก่อให้เกิดอันตรายในน้ำที่ผ่านการกรองแล้ว
NSF (National Sanitation Foundation) International เป็นองค์กรที่มิได้หวังผลกำไร ไม่ได้เป็นองค์การที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล เป็นผู้กำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับกับการพัฒนา การออกใบรับรองให้ผลิตภัณฑ์ ตรวจสอบ ศึกษาและจัดการความเสี่ยง ในเรื่องสุขภาพ และความปลอดภัย
มาตรฐานของ NSF นั้นเป็นมาตรฐานในด้านสุขภาพที่ถูกยอมรับโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำดื่ม
NSF42 เป็น มาตรฐานเกี่ยวกับเรื่องความสามรถในการกรองตะกอน, สีและกลิ่น ของคลอรีน
NSF53 เป็น มาตรฐานเกี่ยวกับเรื่องความสามรถในการกรอง เชื้อโรค (Cyst) หรือ สารระเหย
สามารถตรวจสอบข้อมูลการรับรองมาตราฐาน NSF ของเครื่องกรองน้ำได้จาก http://www.nsf.org/business/search_listings/

Designed in USA สินค้าที่มีเครื่องหมายนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในกลุ่มของไส้กรองน้ำ ซึ่งความหมายก็ง่ายๆตรงตัว คือ เป็นสินค้าที่ได้รับการออกแบบในประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ

Thailand Trust Mark หรือ T Mark คือตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพสินค้าที่กำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริมคุณค่าของสินค้าและบริการของไทยที่ผลิตในประเทศไทย โดยกำหนดเป็น “Trusted Quality” ที่การันตีคุณภาพสินค้าไทยที่ทั่วโลกไว้วางใจ ในทุกมิติ ประกอบด้วย คุณภาพสินค้าและบริการที่ได้รับมาตรฐานสากล คุณภาพเรื่องมาตรฐานแรงงานไทย (Fair Labour) , คุณภาพเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility), คุณภาพในการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental Concern) และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Heartmade Quality ที่ระบุว่าสินค้าและบริการเหล่านี้จะต้องใช้ฝีมือการผลิต ผนวกกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนไทยที่ใส่ใจ ตั้งใจ ทำด้วยใจ เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดออกมา

FDA ย่อมาจาก Food and Drug Administration หมายถึง องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานจากรัฐบาลกลาง โดยคอยทำหน้าที่สอดส่องดูแลสวัสดิภาพด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้ยา อาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเครื่องสำอางต่างๆ ของชาวอเมริกัน หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็น อย. ในสหรัฐฯ นั่นเอง
หน้าที่ของ FDA มีอะไรบ้าง?
- โดยเจ้าหน้าที่ของทาง FDA จะคอยทำหน้าที่ปกป้องสุขภาพของประชาชนในประเทศ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขาภิบาลต่างๆ เพื่อเป็นการกรองและสร้างความปลอดภัยมั่นใจให้แก่ประชาชนทุกคน
- ทาง FDA จะคอยป้องกันไม่ให้มีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการฉายรังสีออกไปสู่ประชาชนจนสร้างความอันตราย
- ทาง FDA มีการควบคุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสูบต่างๆ หรืออาหารเสริม และเครื่องสำอางต่าง ให้มีการติดป้ายชื่อกำกับแบบถูกต้องทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
- ทำให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องว่าคืออะไร และใช้งานได้อย่างถูกต้องตามความจำเป็นและเหมาะสมแก่ร่างกายของเรา
- ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในเรื่องของตัวสีผสมอาหาร ว่าปลอดภัยไม่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคอย่างแท้จริง
FDA มีขั้นตอนการป้องกันอย่างไรบ้าง?
- จะมีการประเมินอันตรายต่างๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรืออาหาร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้บริโภค
- มีขั้นตอนระบุถึงการควบคุมและป้องกัน เพื่อเตรียมความพร้อมลดหรือป้องกันอันตรายให้ไม่เกิด หรือเหลือน้อยที่สุด
- มีการระบุว่าจะติดตาม ควบคุม หรือดูแลอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการรับประกันและยืนยันว่าสามารถนำมาใช้งานได้จริง
- มีการจัดทำบันทึกเพื่อการติดตามดูแลเป็นอย่างดีโดยสม่ำเสมอ
- มีการระบุว่าสถานที่ผลิตอาหารหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะดำเนินการแก้ไขหากเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นได้อย่างไรบ้าง
ดังนั้น FDA จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้กลุ่มประชาชนหรือผู้บริโภคเกิดความไว้วางใจ และเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตออกมาสูงผู้บริโภค ว่าสามารถนำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ในภายหลังนั่นเอง
ฮาลาล (อาหรับ: حلال) (บ้างสะกดว่า ฮะลาล หรือ หะลาล) เป็นศัพท์นิติศาสตร์อิสลามจากภาษาอาหรับ หมายความว่า กฎบัญญัติอนุมัติให้มุกัลลัฟ (มุสลิมที่อยู่ในศาสนนิติภาวะ) กระทำได้ อันได้แก่ การนึกคิด วาจา และการกระทำที่ศาสนาได้อนุมัติให้ เช่น การรับประทานเนื้อปศุสัตว์ที่ได้รับการเชือดอย่างถูกต้อง การค้าขายโดยสุจริตวิธี การสมรสกับสตรีตามกฎเกณฑ์ที่ได้ระบุไว้ เป็นต้น
ในเมืองไทย คำว่า "ฮาลาล" เป็นที่รู้จักในความหมาย อาหารหรือสิ่งเจือปนที่ไม่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม อาหารสำเร็จรูปประเภทนี้จะมีตราฮาลาล
ตราฮาลาล คือ ตราที่ติดบนสลากผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นที่ฮาลาล (อนุมัติ) สำหรับมุสลิมใช้บริโภค โดยจะมีคำว่า "ฮาลาล" (อาหรับ: حلال) เป็นภาษาอาหรับประทับอยู่ ผู้ออกตราฮาลาลในประเทศไทยคือคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ได้รับการรับรอง ISO 9001 โดยหน่วยงานตรวจรับรอง จาก บริษัท SGS
ISO 9001 เป็นมาตรฐานสากลที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ เพื่อความเป็นเลิศทางด้านคุณภาพ และความมีประสิทธิภาพของการดำเนินงานภายในองค์กร ISO 9001 จึงเป็นระบบบริหารงานคุณภาพตามมาตรฐานสากล แนวคิดสำคัญของ ISO 9001 คือการจัดวางระบบบริหารงานเพื่อการประกันคุณภาพ ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่ากระบวนการต่างๆ ได้รับการควบคุมและสามารถตรวจสอบได้ โดยผ่านระบบที่ระบุขั้นตอนและวิธีการทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าบุคลากรในองค์กรรู้หน้าที่ความรับผิดชอบและขั้นตอนต่างๆ ในการปฏิบัติงาน โดยต้องมีการฝึกอบรมให้ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน มีการจดบันทึกข้อมูล รวมทั้งการตรวจสอบการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามที่ระบุไว้ในระบบหรือไม่ และมีการแก้ไขข้อผิดพลาดรวมทั้งมีแนวทางในการป้องกันข้อผิดพลาดเดิม
บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบันเอสจีเอสเป็นองศ์กรที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นบรรทัดฐานระดับสากล สำหรับมาตรฐานสูงสุดในด้านผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพ และความซื่อสัตย์ ด้วยเอกลักษณ์ทั่วโลกของเอสจีเอสที่ปฏิบัติการในเครือข่ายกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วยสำนักงาน สาขาย่อย และห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ กลุ่มบริษัทเอสจีเอส เป็นผู้นำในการให้บริการตรวจสอบ และตรวจติดตามการค้าระหว่างประเทศในด้านสินค้าเกษตร แร่ น้ำมันและก๊าซ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งการรับรองระบบ การให้บริการแก่หน่วยงานรัฐบาล และสถาบันระดับนานาชาติ นอกจากนี้เอสจีเอส ยังนำเสนอบริการเชิงกลยุทธ์ให้กับภาคอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อมและการขนส่งอีกด้วย
มาตรฐาน CE เครื่องหมาย CE ย่อมาจากคำในภาษาฝรั่งเศสว่า “Conformite Europeene ซึ่งมีความหมายเดียวกับคำใน ภาษาอังกฤษคือ “European Conformity” เดิมทีใช้เครื่องหมาย EC แต่ภายหลังได้เปลี่ยนมาเป็นเครื่องหมาย CE อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2536
เครื่องหมาย CE ที่ปรากฏอยู่บนสินค้าเป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิต (Manufacturer’s Declaration) ว่าสินค้านั้น มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป การมีเครื่องหมาย CE กำกับบนสินค้าจะทำให้สินค้านั้นสามารถวางจำหน่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีในเขตเศรษฐกิจยุโรป หรือ European Economic Area (EEA) ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป หรือ European Community (EU) และ สมาคมการค้าเสรียุโรป หรือ European Free Trade Association (EFTA) ยกเว้นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสมาชิกแต่ละประเทศจะดำเนินการออกกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป หรือ EC Directives ที่กี่ยวข้องกับการใช้เครื่องหมาย CE
สินค้าที่อยู่ในข่ายต้องใช้เครื่องหมาย CE มีสินค้า 23 กลุ่ม ซึ่งจะต้องมีเครื่องหมาย CE จึงจะสามารถวางจำหน่ายและเคลื่อนย้ายภายในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ได้ ซึ่งรวมถึงสินค้านำเข้าด้วย และในแต่ละสินค้าจะมีกฎหมายเฉพาะสินค้า หรือที่เรียกว่า Product Directives ซึ่งให้รายละเอียดข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละสินค้า (technical specifications) ที่กำหนดขึ้นมาจากมาตรฐานความสอดคล้อง (Harmonized Standards) ขององค์การมาตรฐานต่างๆ ในยุโรป อาทิ European Committee for Standardization (CEN), European Committee for Electrotechnical Standardization (CENELEC) เป็นต้น โดยสินค้าที่ต้องมีเครื่องหมาย CE มีดังนี้
1. ระบบและอุปกรณ์เกี่ยวกับการจัดการจราจรทางอากาศ ซึ่งรวมถึงระบบการสื่อสาร ระบบการตรวจสอบระบบการให้ความช่วยเหลืออัตโนมัติในการควบคุมการจราจรทางอากาศ และระบบการให้ทิศทาง รายละเอียดปรากฏใน Directive 93/65/EEC ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2537
2. อุปกรณ์เครื่องใช้ที่จุดไฟโดยใช้แก๊ส ซึ่งหมายถึงเครื่องใช้ทุกชนิดที่ใช้ในการทำอาหาร ทำความร้อน ผลิตน้ำร้อน ตู้เย็น แสงสว่าง หรือซักล้าง และที่ซึ่งระดับอุณหภูมิของน้ำไม่เกิน 105 องศาเซลเซียส รายละเอียดปรากฏใน Directive 90/396/EEC ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน มกราคม 2539
3. ระบบการติดตั้งเคเบิลสำหรับบรรทุกผู้โดยสาร รายละเอียดปรากฏใน Directive 2000/9/EC แต่ยังไม่มี ผลใช้บังคับทางกฎหมาย
4. อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้า หรือโวลต์ต่ำ ซึ่งรวมถึง อุปกรณ์ที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้กับระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่าง 50-1,000 โวลต์ หรือ 75-1,500 โวลต์ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมากที่ใช้ภายในประเทศและเชิงพาณิชย์ รายละเอียดปรากฏใน Directive 73/23/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2540
5. ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการก่อสร้าง รายละเอียดปรากฏใน Directive 89/106/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่ เดือนมิถุนายน 2534
6. อุปกรณ์และระบบป้องกันสำหรับการใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิด ซึ่งหมายถึง เครื่องจักรหรือ อุปกรณ์ที่สามารถทำให้เกิดการระเบิดผ่านแหล่งกำเนิด ที่ทำให้เกิดการเผาไหม้และระบบป้องกันนี้ถูกออกแบบให้สามารถระงับการระเบิดนั้นได้ รายละเอียดปรากฏใน Directive 94/9/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2546
7. วัตถุระเบิดสำหรับพลเมืองใช้ ซึ่งถูกนิยามรายละเอียดในเอกสารข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติว่า ด้วยการขนส่งสินค้าอันตราย รายละเอียดปรากฏใน Directive 93/15/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2546
8. ภาชนะหุงต้มน้ำร้อน (ปริมาณระหว่าง 4 กิโลวัตต์ ถึง 400 กิโลวัตต์ เผาไหม้โดยของเหลวหรือเชื้อเพลงแก๊ส) รายละเอียดปรากฏใน Directive 92/42/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2541
9. ตู้เย็นและเครื่องทำความเย็นใช้ภายในครัวเรือน รายละเอียดปรากฏใน Directive 96/57/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่ เดือนกันยายน 2542
10. ลิฟต์สำหรับขนผู้โดยสารหรือสินค้า รายละเอียดปรากฏใน Directive 95/16/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2542
11. เครื่องจักรกลทุกชนิดที่มีส่วนประกอบใช้ในการแปรรูป รักษา เคลื่อนย้าย หรือการบรรจุหีบห่อวัสดุรายละเอียดปรากฏใน Directive 1998/37/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่ เดือนมกราคม 2538
12. อุปกรณ์เกี่ยวกับการเดินเรือ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการเดินเรือระหว่างประเทศ รายละเอียดปรากฏในDirective 96/98/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2541
13. เครื่องมือทางการแพทย์ หมายถึงอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการวินิจฉัย การ ป้องกัน การติดตาม การรักษา หรือการบรรเทาโรค การบาดเจ็บ หรือความบกพร่องทางร่างกาย ซึ่งรวมถึงการทดแทนแขนขา หรือข้อต่อ และการคุมกำเนิด รายละเอียดปรากฏใน Directive 93/42/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่ เดือนมกราคม 2541
14. เครื่องมือทางการแพทย์เกี่ยวกับการฝังที่มีลักษณะเป็นกัมมันตภาพรังสี ซึ่งรวมถึงเครื่องมือที่อาศัยแหล่งพลังงานไฟฟ้า หรือ แหล่งพลังงานอื่นๆ นอกเหนือไปจากที่ผลิตได้โดยตรงจากร่างการมนุษย์ รายละเอียดปรากฏใน Directive 90/385/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2538
15. เครื่องมือทางการแพทย์ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค หมายถึง เครื่องมือที่ ใช้ในการตรวจสอบสิ่งต่างๆ เช่น เลือด เนื้อเยื่อจากร่างกายมนุษย์ รายละเอียดปรากฏใน Directive 98/79/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2546
16. เครื่องชั่งแบบไม่อัตโนมัติ หมายถึง เครื่องชั่งที่ต้องมีผู้ควบคุมเครื่องใน กระบวนการชั่ง รายละเอียดปรากฏใน Directive 90/384/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนมกราคม 2546
17. อุปกรณ์ป้องกันตัวส่วนบุคคล หมายถึง เครื่องมือใดๆ ที่บุคคลใช้ใน การป้องกันความปลอดภัยหรือต่อต้านสิ่งที่เป็นอันตราย รายละเอียดปรากฏใน Directive 89/686/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2538
18. อุปกรณ์เกี่ยวกับแรงดัน ซึ่งรวมถึงท่อ หรืออุปกรณ์ด้านความปลอดภัย และอุปกรณ์/ส่วนประกอบเกี่ยวกับแรงดันทุกชนิด รายละเอียดปรากฏใน Directive 97/23/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2545
19. อุปกรณ์เกี่ยวกับวิทยุ และอุปกรณ์เกี่ยวกับสถานีโทรคมนาคม รายละเอียดปรากฏใน Directive1999/5/EC ซึ่งในแต่ละตัวสินค้ามีผลใช้ บังคับทางกฎหมายในระยะเวลาที่แตกต่างกัน
20. เรือขนาดความยาวของลำเรือตั้งแต่ 2.5 – 24 เมตร ที่ใช้สำหรับการ กีฬา หรือ การพักผ่อนรายละเอียดปรากฏใน Directive 95/25/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2541
21. ท่อแรงดัน ซึ่งรวมถึงท่อเชื่อมโลหะที่นำมาใช้บรรจุอากาศ หรือ ไนโตรเจน ณ ความดันที่เกินกว่า 0.5 บาร์รายละเอียดปรากฏใน Directive 87/404/EEC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2535
22. ของเล่น หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่มีการออกแบบและทำให้สำหรับเด็กอายุ ไม่เกิน 14 ปีเล่น รายละเอียดปรากฏใน Directive 88/378 ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือน มกราคม 2533
23. ระบบรถไฟภายในยุโรป รายละเอียดปรากฏใน Directive 96/48/EC ซึ่งยังมีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2539
นอกจากนี้ สหภาพยุโรปกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการออกกฎระเบียบเครื่องหมาย CE สำหรับสินค้าโลหะมีค่า และ หลอดไฟเรืองแสง อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว EU Directives จะให้ระยะเวลาผ่อนผันกับผู้ประกอบการในการ ปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎระเบียบนั้น แต่เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันแล้ว ผู้ผลิตจะต้องใช้เครื่องหมาย CE กำกับ บนสินค้า จึงจะสามารถวางขายได้ในตลาดยุโรป
RoHS ย่อมาจาก Restriction of Hazardous Substances เป็นข้อกำหนดที่ 2002/95/EC ของสหภาพยุโรป (EU) ว่าด้วยเรื่องของการใช้สารที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหมายความรวมถึงเครื่องใช้ทุกชนิด ที่ต้องอาศัยไฟฟ้าในการทำงาน เช่น โทรทัศน์ เตาอบไมโครเวฟ วิทยุ เป็นต้นซึ่งหมายความว่า ชิ้นส่วนทุกอย่างที่ประกอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ตั้งแต่แผงวงจร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงสายไฟ จะต้องผ่านตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยสารที่จำกัดปริมาณในปัจจุบัน กำหนดไว้ 6 ชนิด ดังนี้
1.ตะกั่ว (Pb) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
2.ปรอท (Hg) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
3.แคดเมียม (Cd) ไม่เกิน 0.01% โดยน้ำหนัก
4.เฮกซะวาเลนท์ (Cr-VI) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
5.โพลีโบรมิเนต ไบเฟนนิลส์ (PBB) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก
6.โพลีโบรมิเนต ไดเฟนนิล อีเธอร์ (PBDE) ไม่เกิน 0.1% โดยน้ำหนัก